เก็บชัยชนะเกมเหย้าเป็นนัดที่ 13 ติดต่อกันได้สำเร็จครับสำหรับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ล่าสุดเปิดบ้านเอาชนะ “ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ ไป 2-1 จากการช่วยกันทำคนละประตูของ บรูโน่ แฟร์นานเดส และ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่ก็ต้องบอกว่าเกือบแย่เหมือนกัน เพราะโดนขยี้อย่างหนักช่วงท้ายเกม บวกกับการโดนใบแดงของ กองกลางคนสำคัญอย่าง คาเซมิโร่ ที่โดนใบแดงโดยตรงในนัดนี้
แมนยูเจ้าบ้าน ผลงานในลีกค่อนข้างติดขัด เพราะเผลอสะดุดมาสองเกมก่อนหน้านี้ วันนี้เลยจัดชุดเต็ม โดยเปลี่ยนผู้เล่นเพียงตำแหน่งเดียวจากเกมกลางสัปดาห์ โดยวันนี้ แรชฟอร์ด ได้กลับมาเป็นตัวจริงแทนตำแหน่งของ กานาโช่ ส่วนนักเตะรายใหม่อย่าง ซาบิทเซอร์ ออกสตาร์ทเป็นตัวสำรอง
ฝั่งพาเลซ มีการเปลี่ยนตัว 3 ตำแหน่งด้วยกัน นาธานเนียล ไคลน์ , วิล ฮิวจ์ส และ ไมเคิล โอลิเซ่ คนที่เคยทำแสบซัดฟรีคิกสุดสวยตีเสมอแมนยูมาก่อนหน้านี้ได้ลงเป็นตัวจริง
เกมน่าสนุกตั้งแต่เริ่มครับเมื่อผีแดงมาได้ประตูนำเร็วเลยในนาทีที่ 7 จากจุดโทษ ของ บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่กระโดดขย่องยิงนิ่ม ๆ เข้าไป จากนั้นเกมครึ่งแรกก็ดูจะเป็นเจ้าบ้านที่สร้างโอกาสจะ ๆ ได้หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เด็ดขาดพอ จบครึ่งแรกเสมอกันที่สกอร์นี้
เริ่มครึ่งหลังมาก็ยังเป็นหนังม้วนเดิมครับ โดย ฝั่งเจ้าบ้าน ยังคงคุมเกมได้อย่างอยู่หมัดและสุดท้ายก็มาได้ประตูที่รอคอยในนาทีที่ 62 จากการต่อบอลหลายจังหวะที่หน้าเขตโทษ ก่อนที่จะเป็นลุค ชอว์ ได้ เปิดบอลเรียดยัดไปหน้าปากประตู แรชฟอร์ด อัดเน้น ๆ ไม่เหลือ แมนยูหนีห่าง 2-0
หลังจากนำได้ 2-0 ก็มีเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นครับ โดยจังหวะนี้ ชลูปป์ อัดใส่ แอนโทนี่ แบบเต็มเหนี่ยวชนิดที่ทำเอานักเตะฝั่งเจ้าบ้านไม่พอใจกลายเป็นเหตุตะลุมบอนกันวุ่นวาย สุดท้ายจังหวะนี้ ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองไปคนละใบ
เรื่องเหมือนจะจบแล้วแต่ เจ้าบ้านก็ซวยจนได้ครับ เมื่อ มาริเนอร์ กรรมการที่ทำหน้าที่ในนัดนี้ ได้รับคำสั่งให้ไปดู VAR ในจังหวะที่ คาเซมิโร่ มีการไปบีบคอของ ฮิวจ์ส สุดท้ายให้ใบแดงย้อนหลัง กองกลางแซมบ้า ได้อาบน้ำคนแรก
พอเหลือ 10 คนก็โดนเลยครับในนาทีที่ 76 เป็นทางด้านของ ชลูปป์ ที่ได้ชาร์จจ่อ ๆ เข้าไป จากนั้นทีมเยือนก็พยายามอย่างหนักเพื่อทวงประตูคืนแต่ก็ไม่สำเร็จจบเกมส์เจ้าบ้านเอาชนะไปได้ 2-1 แบบหวุดหวิด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 1 คริสตัล พาเลซ
รายชื่อผู้ทำประตู
1-0 บรูโน่ แฟร์นานเดส
2-0 มาร์คัส แรชฟอร์ด
2-1 เจฟฟ์ ชลูปป์